วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559

หัวข้อ ผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บ โดย กรกช กังวาลทัศน์

*****บทความนี้ใช้ประกอบการเรียนการสอนในหัวข้อผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บ***** 
เป็นเพียงหนึ่งหัวข้อในรายวิชาเครื่องสำอางในชีวิตประจำวัน จึงอาจมีความรู้บางส่วนขาดหายไป
*****เนื่องจากได้จัดให้มีการเรียนการสอนในรุปแบบการบรรยายในคาบเรียนประกอบไปด้วย*****


จุดประสงค์
1. ทราบประเภทและส่วนประกอบพื้นฐานของผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บ
2. ทราบถึงความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บ
3. สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บได้อย่างเหมาะสม
4. สามารถใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บได้อย่างถูกวิธี 

บทนำ   

เล็บเป็นอวัยวะหนึ่งอยู่ปลายนิ้วมือและนิ้วเท้า โดยปกติจะมีลักษณะเป็นแผ่นเรียบ แข็งแต่ยืดหยุ่น มีสีขาวใส ส่วนปลายของเล็บที่เกินจากเนื้อส่วนปลายนิ้วออกมามีสีขาวขุ่น เมื่อสังเกตดูใกล้ๆจะพบว่าเล็บมีร่องตื้นๆตามยาว ซึ่งเมื่ออายุมากขึ้น ร่องก็จะอาจลึกขึ้นได้ ผิวหนังที่หุ้มเล็บควรมีสุขภาพดี ปราศจากรอยแดงอักเสบ การลอกของผิวหนัง แผล ตุ่ม หนอง หรือ ผิวหนังแข็งหนา เล็บมีหน้าที่หลายประการ ได้แก่ ปกป้องปลายนิ้วจากการกระแทก เพิ่มประสาทสัมผัส ใช้หยิบของชิ้นเล็กๆ ใช้เกา จิก หรือ ข่วน นอกจากนี้ ลักษณะภายนอกของเล็บ ได้แก่ รูปร่าง ความเรียบของผิวเล็บ สี และ ความหนาบาง สามารถบ่งบอกถึงสุขลักษณะและสุขภาพร่างกายโดยคร่าวของเจ้าของได้ อย่างไรก็ตามภาวะทุพโภชนาการ หรือ การขาดสารอาหารอาจไม่มีอาการแสดงออกทางเล็บเลยก็ได้ หรือ การที่เล็บมีลักษณะที่ผิดปกติไปก็ไม่สามารถบ่งชี้ได้ทันทีว่าร่างกายผิดปกติหรือไม่หรือผิดปกติในทางใดอย่างเฉพาะเจาะจง  

โครงสร้างของเล็บ

เล็บประกอบด้วยหลายโครงสร้าง ได้แก่
  1. Nail plate หรือ ส่วนของแผ่นเล็บที่มีความแข็ง เป็นส่วนที่ไม่มีชีวิต มีองค์ประกอบหลัก คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "เคราติน" (keratin) ซึ่งเป็นส่วนประกอบประมาณร้อยละ 80-90 ของเล็บ เคราตินเป็นองค์ประกอบเดียวกับเส้นผม และ โครงสร้างส่วนนอกของเขาสัตว์ และ นอแรด 
  2. Nail matrix เป็นส่วนที่อยู่บริเวณ nail root ในส่วนนี้จะประกอบด้วยเซลล์ keratinocytes ที่แบ่งตัวอย่างรวดเร็ว เซลล์เหล่านี้เต็มไปด้วยเคราติน ซึ่งจะถูกดันขึ้นมาเป็นเล็บที่งอกใหม่บริเวณโคนเล็บ โดยปกติเล็บจะยาวและงอกใหม่ตลอดเวลา เล็บมือจะงอกเร็วกว่าเล็บเท้า โดยเล็บมือจะงอกโดยเฉลี่ย 3 มิลลิเมตรต่อสัปดาห์ และ ใช้เวลางอกใหม่ทั้งเล็บรวม 4-6 สัปดาห์ ส่วนเล็บเท้าจะงอกโดยเฉลี่ย 1 มิลลิเมตรต่อสัปดาห์ และ ใช้เวลางอกใหม่ทั้งเล็บรวม 12-18 สัปดาห์
  3. Nail bed คือ เนื้อบริเวณใต้เล็บ เป็นส่วนผิวหนังที่มีชีวิต ประกอบด้วยชั้น epidermis และ dermis เป็นส่วนที่มีเส้นเลือดมาเลี้ยง 
  4. Nail folds คือ ผิวหนังที่คลุมปิดขอบเล็บ ทั้งที่ขั้วเล็บ (proximal nail fold) และด้านข้างเล็บ (lateral nail fold) ทำให้เล็บมีผิวหนังปกคลุมสามด้าน ส่วนอีกด้านเป็นด้านที่เล็บยื่นยาวออก
  5. Hyponychium ส่วนที่เล็บที่แยกออกจากผิวหนัง เล็บที่เกินจากส่วนนี้ไปสามารถตัดออกได้
  6. Cuticle คือ ผิวหนังใสที่ยื่นปกคลุมโคนเล็บ
  7. Lunula คือ บริเวณที่มีสีขาวรูปครึ่งวงกลม บริเวณโคนเล็บ เป็นส่วนของ nail matrix ที่มองเห็น


File:507 Nails.jpg
ภาพกายวิภาคของเล็บ จาก https://commons.wikimedia.org/wiki/File:507_Nails.jpg

เล็บที่สะอาดบ่งบอกถึงสุขอนามัยและการรักษาความสะอาดของเจ้าของ ลักษณะของเล็บที่ดี คือ เล็บที่เรียบ เงา ใส nail plate ติดกับ nail bed ร่องเล็บไม่มีสิ่งสกปรกติดอยู่ cuticle บางใส ติดกับตัวเล็บ ขอบเล็บเรียบ เล็บควรตัดให้เรียบร้อยเป็นรูปทรง ไม่ว่าจะตัดให้โค้งมนตามรอยเล็บ หรือตัดเป็นเหลี่ยม

ความผิดปกติของเล็บ

เล็บที่มีลักษณะที่ผิดปกติไปอาจบ่งบอกถึงโรคของเล็บ โรคของเล็บที่พบบ่อย คือ "เชื้อราที่เล็บ" ซึ่งจะสังเกตได้จากการที่สีของเนื้อเล็บเปลี่ยนไป ผิวเล็บหยาบและขรุขระ มีขอบเล็บกร่อน เล็บเปราะหักง่าย มักเกิดกับเล็บเท้ามากกว่านิ้วมือ เนื่องจากเชื้อราจะเจริญเติบโตดีในที่อับชื้น อย่างเช่นภายในรองเท้า หรืออาจจะเกิดกับผู้ที่ต้องสัมผัสกับความชื้นเป็นเวลานาน เช่น ผู้ที่มีอาชีพล้างจาน เป็นต้น 

"ดอกเล็บ" คือ ลักษณะเป็นจุดสีขาวหรือเส้นสั้นๆสีขาวปรากฎขึ้นในเนื้อเล็บ สภาวะนี้ศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า "Leukonychia punctata" สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการบาดเจ็บระหว่างกระบวนการสร้างเล็บ เช่น การกัดเล็บ การแคะเล็บ เป็นต้น หรืออีกกรณีหนึ่งคือการที่เล็บถูกกระทบกระแทกทำให้มีฟองอากาศติดอยู่ใต้เล็บ การมีดอกเล็บส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย และมักไม่ได้เกิดจากการขาดสารอาหารใดๆ เมื่อเล็บงอกจะดันดอกเล็บให้หายไปเอง ซึ่งกระบวนการงอกของมักใช้เวลาหลายเดือน

ภาพดอกเล็บ จาก https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/4/48/Leukonychia.jpg

Leukonychia หรือ สภาพของเล็บที่มีสีขาวประเภทอื่นๆ เช่น การที่เล็บมีสีขาวทั่วทั้งเล็บ มีสีขาวเป็นบางส่วน หรือ มีลักษณะเป็นแถบคาดเล็บ ไม่ว่าจะเป็นแนวขวางหรือแนวดิ่ง อาจบ่งบอกถึงพยาธิสภาพของร่างกายของเจ้าของเล็บนั้น เช่น ภาวะโปรตีนในเลือดต่ำ โรคตับ หรือ โรคหัวใจ เป็นต้น  

ผิวหนังรอบเล็บอาจลอกเป็นแผ่น เกิดการอักเสบ บวม แดง หรือเกิดหนองจากการติดเชื้อ

ยังมีความผิดปกติของเล็บในรูปแบบอื่นๆอีกมากมายซึ่งไม่ได้กล่าวถึงในบทความนี้ 

===============================
ผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บ
===============================
ทาเล็บ, ทาสี, เล็บเท้า, เล็บ, ศีลธรรม, ทำเล็บมือมือ, เดซี่, ดอกไม้, ลายนิ้วมือ, เล็บ, เคลือบ, ที่น่ารัก
ทาเล็บ, มือ, เล็บ, ทำเล็บมือ, การแต่งงาน, จับมือ
===============================
เมื่อกล่าวถึงผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บ ผลิตภัณฑ์ที่น่าจะนึกถึงเป็นอันดับแรกคือ "ยาทาเล็บ" เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทาบนเล็บเพื่อเพิ่มความแข็งแรง หรือเติมสีให้แก่เล็บให้มีความสวยงาม นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลเล็บประเภทอื่นๆอีก ดูจากคลิปวีดีโอ

คลิปวีดีโอขั้นตอนการดูแลเล็บ


ลิงค์คลิปวีดีโอ https://www.youtube.com/watch?v=8SZJO1Jhr4o 

ยาทาเล็บ
คุณลักษณะของยาทาเล็บ
  1. กันน้ำ
  2. เนื้อเงาหรือเนื้อด้าน สีไม่เปลี่ยนเมื่อทาบนเล็บ หรือเปลี่ยนสีเมื่อทาบนเล็บ
  3. สีติดเล็บได้ดี แต่ติดผิวหนังไม่ดี
  4. แห้งเร็วพอสมควร
  5. มีความยืดหยุ่น ทนต่อการขูดขีด กระเทาะล่อน
  6. สามารถทาเป็นชั้นบางได้

ส่วนประกอบหลักของยาทาเล็บ

1. Film former หรือ สารก่อฟิล์ม ทำหน้าที่สร้างฟิลม์เคลือบเล็บ 
"Nitrocellulose" เป็นสารก่อฟิลม์ที่นิยมใช้มากที่สุด มีคุณสมบัติหลายข้อ เช่น ผสมเข้ากับสีได้ดี ได้ฟิลม์ที่แข็งแรง เป็นต้น แต่ก็มีข้อเสีย เช่น ฟิล์มที่ได้มีความเปราะ และ ไม่เงางาม เกิดการหดตัวมาก ทำให้ไม่ติดผิวเล็บ ติดไฟง่าย และ ต้องละลายในแอลกอฮอลล์ 
สารก่อฟิล์มอื่นๆ ได้แก่ Cellulose acetate และอนุพันธุ์, Polyurethanes, Polyamides, Polyesters, Adipic acid/Neopentyl glycol/trimellitic anhydride copolymer
2. Film modifier ทำหน้าที่ทำให้ฟิลม์ติดเล็บ เพิ่มความเงางาม
"Toluene sulphonamide /formaldehyde resin" หรือ TSFR เป็นสารที่นิยมใช้ สารอื่นๆ ได้แก่ toluene/sulphonamide/expoxy resin / polyester sucrose benzoate / polyester / acrylic ester oligomers / SAIB / arylsulfonyl methanes / glyceryl tribenzoate
3. Plasticizers ทำหน้าที่เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิลม์แห้งเร็ว 
dibutyl phthalate / camphor / acetyl tributyl citrate (biodegradable, low toxicity) / castor oil / glyceryl tribenzoate / acetyl tribenzoate citrate PPG-2 dibenzoate / glycerol / citrate esters / triacetin / polyether  urethane
4. Solvents/Diluents เป็นตัวทำละลาย
Alkyl esters เช่น ethyl acetate, amyl acetate, n-butyl acetate / Glycerol ethers เช่น propylene glycol monomethyl ether / Aliphatic alcohols เช่น ethanol, isopropanol, butanol / Toluene
5. Viscosity modifiers or thixotropic agents สารปรับความหนืด (หนืดในขวด แต่ไม่หนืดตอนทา): Stearalkonium hectorite (ไม่เงา จึงต้องเติม polymers เช่น nylon, acrylate copolymer เพื่อเพิ่มความเงา เพิ่มความแข็งแรง และป้องกันรอยขีดข่วน)  
6. Colour additives: สีที่ใช้ควรปลอดสารตะกั่ว และมีการรับรองความปลอดภัย สีที่ใช้ในยาทาเล็บจะเป็นประเภทไม่ละลายในตัวทำละลาย สีจะไม่ตกใส่เนื้อเล็บ มีลูกเหล็กใส่ในขวดเพื่อเขย่าให้สีกระจายตัวทั่วกัน: Guanine/Bismuth oxychloride and mica coated titanium dioxide ฉลากสีทาเล็บอาจเขียนองค์ประกอบของสีโดยใช้รหัส color index international หรือ CI ตามด้วยตัวเลข

ตัวอย่างส่วนประกอบของสีทาเล็บ




ความปลอดภัยของสีทาเล็บ

ถึงแม้เล็บจะเป็นส่วนที่มีความแข็ง อาจทำให้หลายๆคนคิดว่าสารเคมีจะซึมผ่านเล็บได้ยากมาก แต่ในความเป็นจริง สารต่างๆสามารถซึมผ่านเล็บได้มากกว่าผิวหนังถึง 100 เท่า ดังนั้นสารเคมีต่างๆที่อยู่ในยาทาเล็บก็มีโอกาสซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเล็บได้ เนื่องจากสีทาเล็บในท้องตลาดมีมากมายหลายชนิด ส่วนประกอบของสีทาเล็บแต่ละยี่ห้อก็มีความแตกต่างหลากหลายกันไป (ส่วนสีทาเล็บเถื่อนจะไม่สามารถทราบถึงความปลอดภัย เพราะอาจไม่แสดงส่วนประกอบเลย หรือ ส่วนประกอบที่แสดงอาจไม่เป็นความจริง) ส่วนประกอบของยาทาเล็บโดยทั่วไปแล้วถือว่ามีความปลอดภัย"ระดับหนึ่ง"สำหรับเจ้าของเล็บ (แต่ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่สำหรับบุคคลที่ทำงานใน nail salon หรือเหล่าร้านรับเพ้นท์เล็บต่างๆ ที่ต้องสูดดมเอาสารเคมีเข้าสู่ร่างกายเป็นระยะเวลานานๆทุกๆวัน) แต่อาจปลอดภัยไม่เพียงพอสำหรับผู้บริโภคบางกลุ่ม จึงมีการผลิตสีทาเล็บที่ปราศจากสารเคมีบางชนิด ซึ่งมักเป็นสารก่อภูมิแพ้ผิวหนัง หรือ สารก่อมะเร็ง และ เขียนไว้ในฉลากดังนี้

3-free: ปราศจากสารเคมี 3 ชนิด ได้แก่ formaldehyde (ก่อมะเร็ง แพ้ผิวหนัง), toluene (สงสัยว่ามีผลต่อระบบสืบพันธุ์) and dibutyl phthalate (สงสัยว่ามีผลต่อการแพ้ทางผิวหนัง)
4-free: ปราศจากสารเคมี 4 ชนิด นอกจาก 3-free ยังไม่เติม formaldehyde resin (มี formaldehyde ปนอยู่เล็กน้อย)
5-free: ปราศจากสารเคมี 5 ชนิด นอกเหนือจาก 4-free คือ camphor (สงสัยว่ามีผลต่อการแพ้ทางผิวหนัง)

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากเวปไซด์ webmd.com กล่าวว่า สีทาเล็บบางยี่ห้อได้ใส่ในฉลากว่าปราศจากสารเคมี แต่ในความจริงยังตรวจพบสารเคมีเหล่านั้น ในทางกลับกัน สีทาเล็บบางยี่ห้อไม่ได้ใส่ในฉลากว่าปราศจากสารเคมี แต่เมื่อตรวจสอบกลับไม่พบสารเคมีเลย 

ผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บอื่นๆ และส่วนประกอบสำคัญ

Base coat / Top coat ส่วนประกอบคล้ายยาทาเล็บทั่วไป แต่เน้นสาร Film forming และ UV-absorbing materials ฺ
Base coat ใช้ทารองพื้นก่อนทาสีเล็บ มักมีสีใส สีขุ่นขาวคล้ายนม หรือสีชมพูขุ่น จุดประสงค์เพื่อให้สีติดทน ทำให้ผิวเล็บเรียบ เพิ่มความแข็งแรงของเล็บ เพิ่มหรือรักษาความชุ่มชื้นของเล็บ หรือ อาจป้องกันสีจากยาทาเล็บตกใส่เล็บ
Top coat ใช้ทาทับสีทาเล็บ เป็นขั้นตอนสุดท้าย มักมีสีใส จุดประสงค์เพื่อเพิ่มความเงางาม หรือ ทำให้สีด้าน ทำให้สีติดทนนานขึ้น ทำให้สีทาเล็บแห้งเร็วขึ้น หรือ ป้องกันรอยขีดข่วน แตกหลุดล่อนของสี 

ยาทาเล็บสีด้าน (matte finish) อาจอยู่ในรูปสีทาเล็บ หรือ top coat ที่สามารถใช้ทาทับสีทาเล็บปกติให้กลายเป็นสีด้านได้ มักผสมสารทึบแสง เช่น silica ลงไปในสีทาเล็บ 

File:Matte nail polish.jpg
ภาพยาทาเล็บสีด้าน จาก https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Matte_nail_polish.jpg


Magnetic nail polish เป็นยาทาเล็บผสมผงโลหะที่มีสีแตกต่างจากสียาทาเล็บ มาพร้อมกับอุปกรณ์แม่เหล็กลวดลายต่างๆ วิธีใช้ยาทาเล็บประเภทนี้เหมือนการใช้ยาทาเล็บทั่วไป เมื่อทาแล้วให้ใช้อุปกรณ์แม่เหล็กจ่อด้านบนของเล็บสักครู่โดยไม่สัมผัสกับเล็บ (ถ้าสัมผัสจะทำให้สีทาเล็บเลอะ) ผงโลหะจะเคลื่อนที่เข้าหาแนวแม่เหล็ก เกิดเป็นลวดลายขึ้นตามลวดลายของแม่เหล็ก จุดสำคัญของการใช้ยาทาเล็บประเภทนี้คือให้จ่ออุปกรณ์แม่เหล็กขณะที่สีทาเล็บยังไม่แห้ง ถ้าสีทาเล็บเริ่มแห้งแล้ว ผงโลหะจะเคลื่อนที่ในยาทาเล็บได้ยาก 
ดูคลิปวิธีใช้ magnetic nail polish 

ลิงค์คลิปวีดีโอ -> https://www.youtube.com/watch?v=vJO60TajtAE

Crackle nail polish: เป็นสีทาเล็บที่เมื่อทาทับบนสีทาเล็บปกติ จะแตกเป็นลายหนังจระเข้ ด้วยการผสม isopropyl alcohol, ethanol หรือ แอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ ลงในน้ำยาทาเล็บ เพื่อให้ผิวยาทาเล็บแห้งไม่พร้อมกันและลดแรงตึงผิว ทำให้เกิดรอยแตกของยาทาเล็บ ในสีทาเล็บปกติที่ไม่ใช้ crackle อาจพบว่ามีการผสมแอลกอฮอล์บ้าง แต่ใน crackle nail polish จะผสมในปริมาณมากกว่าปกติ
ดูคลิปวิธีใช้ crackle nail polish

ลิงค์คลิปวีดีโอ -> https://www.youtube.com/watch?v=XXI7wWc4haY

น้ำยาล้างเล็บ: ส่วนใหญ่ประกอบด้วยอะซิโตน (acetone) ผสมน้ำ อะซิโตนเป็นสารระเหยเร็ว ถ้าไม่ละลายน้ำจะระเหยหายไปเร็วมาก ยังไม่ทันจะละลายสีทาเล็บ เป็นสารไวไฟ มีกลิ่นฉุนแรงและทำให้ผิวแห้งหลังใช้ จึงมักผสมสารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง (moisturizers) เนื่องจากอะซิโตนทำให้ผิวแห้ง ปัจจุบันมีจึงมีน้ำยาล้างเล็บสูตรปราศจากอะซิโตน (acetone free formula) ออกมาหลายสูตร ซึ่งมักประกอบด้วยตัวทำละลายในยาทาเล็บ เช่น ethyl acetate เป็นต้น ยาล้างเล็บสูตรปราศจากอะซิโตนอาจมีประสิทธิภาพด้อยกว่าสูตรอะซิโตน การล้างยาทาเล็บประเภทที่ผสมกากเพชรซึ่งล้างออกได้ยากด้วยอะซิโตนอยู่แล้ว การใช้น้ำยาล้างเล็บสูตรปราศจากอะซิโตนอาจล้างยาล้างเล็บกากเพชรไม่ออก 
Cuticle remover การขูด cuticle เป็นหนึ่งในขั้นตอนการทำเล็บ ขูดเพื่อให้เล็บดูยาวขึ้น ขยายพื้นที่การทาเล็บ (เนื่องจาก cuticle ไม่ติดสีทาเล็บ) cuticle เป็นผิวหนังส่วนที่ปกป้อง nail matrix การขูด cuticle ให้ขูดอย่างระวัง เนื่องจากถ้าขูดแรงเกินไปอาจทำให้ผิวเป็นแผลเลือดออก และทำให้เกิดการติดเชื้อได้ การใช้ที่ตัดเล็บหรือกรรไกรตัด cuticle เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง การขูด culticle นิยมใช้ผลิตภัณฑ์ cuticle remover มีลักษณะเป็นของเหลวหรือเจลที่เติมเบสแก่ลงไปเล็กน้อย เบสแก่ที่ใช้ เช่น sodium hydroxide หรือ potassium hydroxide เบสสามารถละลายโปรตีนได้ วิธีใช้คือทาทิ้งไว้ประมาณ 30 วินาที เมื่อผิวหนังอ่อนนุ่มลงแล้ว ให้ใช้ cuticle pusher ขูดผิวหนังบริเวณ cuticle ออก 
Quick dry nail drop มีลักษณะเป็นของเหลวใส หยดหรือทาลงบนเล็บที่ทายาทาเล็บไว้แล้วเพียงเล็กน้อย เพื่อเร่งให้ยาทาเล็บแห้งเร็วขึ้น มีส่วนประกอบเป็นซิลิโคน เช่น cyclomethicone หรือ dimethicone หรือ น้ำมันบางประเภท ที่ช่วยดูดซับตัวทำละลายในสีทาเล็บ โดยไม่ทำลายผิวฟิล์มของยาทาเล็บ จึงทำให้ยาทาเล็บแห้งเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังให้สัมผัสเรียบลื่น ลดรอยขีดข่วนที่มักเกิดขึ้นระหว่างที่รอสีทาเล็บแห้งอีกด้วยด้วย
Cuticle oil ประกอบด้วยน้ำมันที่มีความหนืดต่ำ ซึ่งจะไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ และกระจายตัวบนผิวได้ดี เช่น น้ำมันอัลมอนด์ โจโจบา วิตามินอี เป็นต้น เพื่อบำรุงผิว และรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังบริเวณเล็บ

ไฟล์ powerpoint บรรยาย (อยู่ในระหว่างปรับปรุง)

เอกสารอ้างอิง

  1. Seshadri D, De D. Nails in nutritional deficiencies. Indian J Dermatol Venereol Leprol [serial online] 2012 [cited 2016 Jun 27];78:237-41. Available from: http://www.ijdvl.com/text.asp?2012/78/3/237/95437
  2. De Berker DAR, Andre J and Baran R. Nail biology and nail science. Int J Cosmet Sci 2007 [cited 2016 Jun 27]; 29(4):241-275. Available from: http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1111/j.1467-2494.2007.00372.x/full 
  3. GUPCHUP GV, ZATZ JL. Structural characteristics and permeability properties of the human nail: A review J Cosmet Sci 1999; 50, 363-385 
  4. Is Your Nail Polish Toxic? [cited 2016 Jun 27]; Available from: http://www.webmd.com/beauty/nails/20120411/is-your-nail-polish-toxic?page=3
Flag Counter

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น